Mass shooting context comparison between USA and Thailand
เปรียบเทียบบริบทจากเหตุกราดยิงในประเทศสหรัฐอเมริกาสู่ประเทศไทย
8–9 กุมภาพันธ์ 2563 ณ Terminal 21 จังหวัดนครราชสีมา
เกิดเหตุการณ์ “การกราดยิงที่รุนแรงเป็นครั้งแรกของประเทศไทย” จนเป็นโศกนาฏกรรมที่หลายคนต้องพบกับความสูญเสียซึ่งมิอาจจะเรียกร้องกลับมาได้ หนึ่งในความสูญเสียนั้นคือชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์แต่กลับต้องมาเป็นเหยื่อกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
บทความนี้จึงต้องการจะหาถึงปัจจัยในการก่อเหตุกราดยิงในหลาย ๆ กรณีศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งหากจะใช้ข้อมูลของประเทศไทยนั้นเป็นไปได้ยากเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ดังนั้นจึงใช้ข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกาในการที่จะวิเคราะห์และเทียบบริบทบางอย่างในการศึกษา
สาเหตุที่เลือกข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกา
เนื่องจากมี case studies มากพอที่จะนำมาศึกษาให้เห็นภาพองค์รวมได้ และมีตัวแปรที่น่าสนใจในการทำความเข้าใจ (ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ ประเภทอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ รายละเอียดของผู้ก่อเหตุ เช่น อายุ เพศ หรือประสบการณ์การเป็นทหารของผู้ก่อเหตุ เป็นต้น) อีกทั้งง่ายต่อการศึกษาเนื่องจากเป็นภาษาอังกฤษ
หากจะกล่าวถึงเรื่องราว
ผู้เขียนเองขอรวบเป็นประเด็นง่าย ๆ 3 ประเด็น ดังนี้
- What is interesting things in USA?
เริ่มแรกคือเรื่องของการทำความเข้าใจถึงภาพรวมของเหตุการณ์กราดยิงในประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีข้อมูลอะไรบ้างที่ น่ า ส น ใ จ
2. Context that we learn from USA
จากนั้นนำ insight ที่เราได้มาจากข้อมูลมาหาบริบทบางอย่างที่อาจเกี่ยวข้อง โดยบทความนี้จะลองนำกฎหมายของบางรัฐมากล่าวถึงให้เห็นมาตรการควบคุมอาวุธเบื้องต้นและกรณีตัวอย่างเหตุกราดยิงจากต่างประเทศ
3. Thailand’s deadliest mass shooting
และสุดท้ายคือการย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ในประเทศไทยและมาร่วมกันตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจในคำว่าการกราดยิง หรือ mass shooting เสียก่อน เพื่อที่ผู้อ่านจะได้เข้าใจถึงความหมายได้อย่างตรงกัน
การกราดยิงหรือ mass shooting คือเหตุการณ์ที่มีเหยื่อจำนวนมากจากอาวุธปืน ซึ่งไม่ได้มีนิยามที่แน่ชัดในเรื่องของระยะเวลาการเกิด แต่ข้อมูลจาก FBI ได้นิยาม mass murder ว่า “ต้องมีผู้ตกเป็นเหยื่อตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป” และ “ไม่มีการหยุดพักในตลอดช่วงเวลาก่อเหตุ” หากอิงตาม mass murder มาช่วยในการทำความเข้าใจคำว่า mass shooting มากขึ้น ก็อาจจะนิยามเพิ่มเติมได้ว่า
เหตุการณ์ที่มีเหยื่อจำนวนมากจากอาวุธปืน ซึ่งจะต้องมีผู้ตกเป็นเหยื่อตั้งแต่ 4 คนขึ้นไปและไม่มีการหยุดพักในตลอดช่วงเวลาก่อเหตุ
1. What is interesting things in USA?
จากการที่เราได้หา insight ของข้อมูลทำให้เราพบว่ามีประเด็นบางอย่างที่น่าหยิบยกมากล่าวให้ทุกท่านได้อ่านและคิดวิเคราะห์ไปพร้อมกับผู้เขียน ดังนี้
จาก Heatmap ดังกล่าว จะเห็นได้ชัดว่า เพศชาย เป็นเพศที่มีการก่อเหตุกราดยิงมากที่สุด โดยอาวุธที่เป็นที่นิยมที่สุดคือ ปืนพก
เท่านั้นหาได้เพียงพอต่อการศึกษาไม่ จึงได้มีการดึงตัวแปรอีกหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ล่าสุดของจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย นั่นคือ ประสบการณ์การเป็นทหารของผู้ก่อเหตุกราดยิง
จะเห็นได้ชัดว่าผู้มีประสบการณ์การเป็นทหารนั้นจะมีกรณีการก่อเหตุกราดยิงที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด และอาวุธที่มักจะใช้ก่อเหตุคือ ปืนหลายกระบอก ซึ่งสามารถอนุมานได้ว่าเมื่อพวกเขาเป็นทหาร การมีปืนหลายชนิด/หลายกระบอก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกและอาจได้รับอนุญาตให้ครอบครองปืนเหล่านี้ได้โดยปราศจากขั้นตอนที่มากมายผิดกับประชาชนพลเรือนทั่วไป และที่น่าสังเกตคือสำหรับผู้ก่อเหตุที่ไม่เคยเป็นทหารนั้นไม่เคยมีประวัติการใช้ปืนยาว
*สำหรับเพศที่ผ่านประสบการณ์ทหารคือเพศชายทั้งหมด
ในการก่อเหตุกราดยิงนั้น ช่วงอายุ แรงจูงใจ และประเภทสถานที่ของการก่อเหตุย่อมเป็นอีกสิ่งที่น่าพิจารณา เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงแนวโน้มดังกล่าวและนำมาศึกษาถึงวิธีการรับมือกับเหตุการณ์ที่มีโอกาสขึ้นอีกเพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นเชิญผู้อ่านมาร่วมเห็น insight ของข้อมูลไปด้วยกัน
Note: สีเหลืองในชาร์ทคือช่วงอายุของผู้ก่อเหตุกราดยิงที่โคราช
จากข้อมูลเราจะพบว่าช่วงอายุที่มีการก่อเหตุกราดยิงมากที่สุดคือช่วง 20–29 ปี (ผู้ก่อเหตุที่โคราชอายุ 32 ปี) และอันดับรองลงมาคือช่วง 10–19 ปี ซึ่งทำให้เกิดคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพราะอะไรในช่วงอายุที่น้อยว่า 30 ปี นั้นจึงได้ทำการก่อเหตุในจำนวนมาก ซึ่งอาจจะต้องพิจารณาถึงบริบทของสังคมต่อไป
Note: สีเหลืองในชาร์ทคือแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุกราดยิงที่โคราช
สำหรับแรงจูงใจในการก่อเหตุสาเหตุอับดับ 1 คือ ไม่ทราบ ซึ่งหลายครั้งก็เกิดเหตุการณ์กราดยิงเพื่อความสนุกสนานเพียงเท่านั้น แต่หากจัดเป็นกรณีที่ทราบสาเหตุกับไม่ทราบสาเหตุนั้น จะพบว่าในกรณีที่ทราบสาเหตุ สาเหตุอันดับที่ 1 คือ Social dispute หรือ ปัญหาทางสังคม ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ภาครัฐจะต้องมีส่วนในการจัดการให้มากขึ้น
Note: สีเหลืองในชาร์ทคือสถานที่ของผู้ก่อเหตุกราดยิงที่โคราชที่เคยไป
สถานที่ยอดนิยมที่สุดในการก่อเหตุคือ Residential home หรือ ละแวกชุมชนและที่พักอาศัย ซึ่งจากชาร์ทจะเห็นว่ามีจำนวนการก่อเหตุที่สูงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการมีมาตรการป้องกันที่สถานที่พักอาศัยจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากขึ้น
2. Context that we learn from USA
ผู้อ่านจะเห็นว่าชาร์ทดังกล่าวนั้นมี 2 แผนที่โดยแผนที่ด้านบนแสดงถึงจำนวนเหตุการณ์กราดยิงในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนแผนที่ด้านล่างแสดงถึงจำนวนเหยื่อโดยเฉลี่ยต่อ 1 เหตุการณ์กราดยิงในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะสังเกตถึงความสัมพันธ์บางอย่างที่อาจเห็นได้จากการทำเป็นแผนที่ขึ้นมา เช่น รัฐต่าง ๆ ในบริเวณตะวันออกเป็นส่วนใหญ่จะมีจำนวนเหตุการณ์กราดยิงมาก แต่จำนวนเหยื่อโดยเฉลี่ยต่อ 1 เหตุการณ์กราดยิงจะพบว่ามีน้อย
ในทำนองเดียวกัน ก็มีบางรัฐที่จำนวนเหตุการณ์กราดยิงน้อย แต่จำนวนเหยื่อโดยเฉลี่ยต่อ 1 เหตุการณ์กราดยิงจะพบว่ามีมาก เช่น DC — District of Columbia เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้เขียนจึงสนใจที่จะนำกฎหมายการคุมอาวุธบางรัฐที่น่าสนใจมานำเสนอ ซึ่งมีรัฐ OH—Ohio (โอไฮโอ) และ DC — District of Columbia (เขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย/วอชิงตัน ดี. ซี.)
OH — Ohio (โอไฮโอ)
สำหรับรัฐโอไฮโอ จะพบว่าจำนวนเหตุการณ์กราดยิงมาก แต่จำนวนเหยื่อโดยเฉลี่ยต่อ 1 เหตุการณ์กราดยิงจะพบว่ามีน้อย ผู้เขียนจึงขอนำเสนอถึงกฎหมายควบคุมอาวุธดังต่อไปนี้
หมายเหตุ
- จะถือครองอาวุธปืนได้ จะต้องมีการอนุญาตตามกฎหมาย
- ห้ามพกปืนในที่สาธารณะ เว้นแต่บางสถานที่ เช่น ยานพาหนะและร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
DC — District of Columbia (เขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย/วอชิงตัน ดี. ซี.)
สำหรับเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย จะพบว่าจำนวนเหตุการณ์กราดยิงน้อย แต่จำนวนเหยื่อโดยเฉลี่ยต่อ 1 เหตุการณ์กราดยิงจะพบว่ามีมาก และกฎหมายควบคุมอาวุธปืนของรัฐนี้ดังต่อไปนี้
หมายเหตุ
- จะถือครองอาวุธปืนได้ จะต้องมีการอนุญาตตามกฎหมาย
- จะต้องขอใบจดทะเบียนปืนที่กรมตำรวจนครบาลของรัฐ
- มีการตรวจสอบการซื้อ-ขายของปืน ต้องมีการลายเซ็นต์ซื้อ-ขายอย่างละเอียด
- จำกัด magazine (ลูกกระสุนของปืนที่ครอบครอง)
ในการควบคุมอาวุธของทั้ง 2 รัฐจะเห็นได้ชัดว่าเขตปกครองพิเศษโคลัมเบียมีมาตราการที่รัดกุมมากกว่ารัฐโอไฮโอ จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้จำนวนเหตุการณ์ของเขตปกครองพิเศษโคลัมเบียมีน้อยกว่าของรัฐโอไฮโอ เช่น รัฐโอไฮโอสามารถให้พกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะได้ทุกชนิด ไม่มีการตรวจสอบประวัติการซื้อ-ขาย ไม่จำกัดกระสุน เป็นต้น นั่นคือรัฐโอไฮโอมีเสรีในการใช้อาวุธปืนมากกว่า
แต่หากจะให้วิเคราะห์ว่าเพราะเหตุใด ทำไมจำนวนเหยื่อโดยเฉลี่ยต่อ 1 เหตุการณ์ของเขตปกครองพิเศษโคลัมเบียจึงมีมากกว่าของรัฐโอไฮโอ ก็อาจจะเป็นเพราะว่าในกฎหมายของเขตปกครองพิเศษโคลัมเบียนั้นในส่วนของการอนุญาตให้ถือครองอาวุธนั้นไม่ได้กล่าวถึงในส่วนของปืนยาว ซึ่งปืนยาวนั้นย่อมมีความรุนแรงในการสร้างความเสียหายที่มากกว่าปืนสั้นเป็นธรรมดา จึงทำให้ผลเรือนอาจมีไว้ครอบครองก็เป็นได้โดยที่ทางรัฐไม่ทราบหรือทราบแต่ห้ามไม่ได้เพราะไม่ได้มีการระบุไว้
และสำหรับกฎหมายของประเทศไทยในการควบคุมอาวุธปืน ได้กล่าวไว้ดังนี้
หมายเหตุ
- อ้างตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490
- จะถือครองอาวุธปืนได้ จะต้องมีการอนุญาตตามกฎหมาย พร้อมทั้งบอกถึงวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้ ตามมาตรา 9
- จะต้องขอใบจดทะเบียนปืนที่นายทะเบียน ณ กองทะเบียนกรมตำรวจ
- ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมชุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น เพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด ตามมาตรา 8 ทวิ*
- กฎหมายของไทยไม่ได้ระบุว่าถือครองกระสุนได้จำนวนเท่าไหร่ แต่มีการระบุไว้ว่า“ซื้อได้ปีละ 36 นัด ครั้งละ 12 นัด” และตามมาตรา 8 ได้กล่าวว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดมีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ตนได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้”
จะเห็นว่าประเทศไทยมีการควบคุมอาวุธที่รัดกุมพอสมควร พลเรือนทั่วไปจึงอาจมีการครอบครองอาวุธปืนได้ยาก แต่ในความเป็นจริงแล้วบางข้อก็อาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เช่นว่า ซื้อได้ปีละ 36 นัด ครั้งละ 12 นัด ในปืนบางกระบอกนั้น 1 magazine อาจมีมากกว่า 12 นัดหรือ 1 กล่องกระสุนก็ไม่ได้บรรจุกระสุนเป็นโหลไว้ ซึ่งร้านขายอาวุธปืนก็คงไม่มีการแบ่งขายกระสุนตามกฎหมายได้ว่าไว้เพราะทำได้ค่อนข้างลำบาก
ทั้งนี้ กฎหมายของแต่ละรัฐที่นำเสนอนั้นเป็นส่วนหนึ่งของบริบทที่น่าจะพอเปรียบเทียบได้กับประเทศไทยในการควบคุมอาวุธเบื้องต้น ซึ่งการมีกฎหมายที่รัดกุม ชัดเจน ทำให้การควบคุมเหตุร้ายจากอาวุธปืนเบื้องต้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และทางผู้เขียนขอยกตัวอย่างกรณีศึกษาการกราดยิงในสหรัฐอเมริกาที่น่าสนใจให้ผู้อ่านได้ลองดู
2019 Dayton shooting
เหตุการณ์กราดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย (รวมผู้ก่อเหตุซึ่งโดนวิสามัญและ 1 ในผู้เสียชีวิตมีน้องสาวของเขาด้วย) และบาดเจ็บ 27 ราย อาวุธที่ใช้คือปืนยาวแบบ semi-automatic และกระสุน 100 drum magazines ซึ่งสถานที่คือบริเวณ Ned Peppers Bar
สำหรับมาตรการการควบคุมนั้น 20 วินาทีหลังจากมีการแจ้งเหตุ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ Richard Biehl ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายควบคุมบริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที และสามารถวิสามัญคนร้ายในเวลาไม่ถึงนาที
ผู้ก่อเหตุมีความเชื่อในเรื่องของซาตาน เป็นลัทธินับถือชายเป็นใหญ่ และหัวรุนแรงด้านการเมืองเป็นอย่างมากและ 1 ชั่วโมงก่อนก่อเหตุเขาได้กดถูกใจโพสต์ของการควบเหตุการณ์กราดยิงที่เอลปาโซ รัฐเท็กซัส (ซึ่งเกิดขึ้นก่อนโอไฮโอเพียง 13 ชั่วโมงเท่านั้น)
โดยข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้ก่อเหตุเบื้องต้นที่ได้จากการสัมภาษณ์เพื่อน 2 คนและแฟนเก่าของเขาสมัยเรียนมัธยมนั้น เพื่อนสมัยมัธยมของผู้ก่อเหตุได้บอกว่าเขาเคยถูกสักพักการเรียนเนื่องจากเคยทำรายชื่อคนที่เขาจะฆ่าและข่มขืน อีกทั้งเขายังเคยคิดจะก่อเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมาแล้ว คงมาจากการที่เขามักจะถูกบูลลี่เสมอ ในส่วนของแฟนสมัยมัธยมของผู้ก่อเหตุก็ได้ให้ข้อมูลว่าเขามักจะเห็นภาพหลอนและมีอาการหลงผิดอยู่บ่อยครั้งและผู้ก่อเหตุมักจะบ่นกับเธอเสมอว่าเขากลัวจะเป็นโรคจิตเภทที่รุนแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนั้นก็ได้หลักฐานมาไม่น้อยแต่ก็ไม่พบถึงความชัดเจนถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุกราดยิงในครั้งนี้
จากกรณีตัวอย่างดังกล่าวทำให้เรามองเห็นถึงบริบทจากการก่อเหตุมากขึ้นในแง่ของการเปรียบเทียบกฎหมายและตัวบุคคลที่ก่อเหตุในเรื่องของวิถีชีวิตซึ่งอาจมีผลต่อการก่อเหตุไม่มากก็น้อย
3. Thailand’s deadliest mass shooting
จากที่ได้พูดถึงข้อมูลของประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ในประเด็นนี้จะพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยกัน ซึ่งผู้อ่านสามารถกดดูเรื่องราวได้ดังที่ผู้เขียนทำไว้
*ขออนุญาตสงวนชื่อผู้ก่อเหตุและเหยื่อในบทความนี้
Story map of Korat mass shooting
created by Knight lab
สำหรับท่านที่สนใจในเรื่องของสาเหตุที่มาจากการเจรจราด้านการเงินที่ไม่ลงรอยนั้น สามารถอ่านบทความเรื่อง “จ่า”และ“เงินทอน”เมื่อทัพบกปฏิเสธการมีอยู่จริง
และจะเห็นว่าผู้ก่อเหตุได้มีการปล้นอาวุธจากคลังอาวุธซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือบริบทของกฎหมายในประเด็นที่ 2 จึงได้มีการหาข้อมูลเกี่ยวกับการปล้นคลังอาวุธของประเทศไทย
Note: สีเหลืองในชาร์ทคือรวมผู้ก่อเหตุกราดยิงที่โคราชอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว
จะเห็นว่ามีประเด็นที่น่าสนใจ เช่น ช่วงเวลาที่มีการก่อเหตุผล้นอาวุธมากที่สุดคือ ช่วงเวลากลางคืน และลักษณะการปล้นที่นิยมมากที่สุดคือ การปล้นอุกอาจ (โดยเฉพาะช่วงกลางวัน) เป็นต้น
Note: สีเหลืองในชาร์ทคือรวมผู้ก่อเหตุกราดยิงที่โคราชอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว
จากนั้นจากข้อมูลจะพบว่าบุคคลที่ทำการก่อเหตุปล้นอาวุธนั้น จะสังกัดอยู่ในหน่วยงานราชการทั้งสิ้น โดยสังกัดหน่วยงานทหาร และรองลงมาคือสังกัดหน่วยงานตำรวจ
หลังจากนี้ต่อไป
จากที่เราได้กล่าวไปทั้งหมด 3 หัวข้อ
จะเห็นว่าในประเด็นแรกและประเด็นที่สองได้กล่าวถึงรายละเอียดโดยรวมของเหตุการณ์กราดยิงของประเทศสหรัฐฯ และการได้เห็นถึงมาตรการการควบคุมอาวุธและการควบคุมสถานการณ์จากกรณีตัวอย่างที่ใช้เวลาไม่นานมาก ซึ่งในกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นใช้เวลาระงับเหตุได้ช้าเกินไปแต่อาจเป็นเพราะมีปัจจัยบางอย่างที่เป็นแบบนั้น เช่น การถ่ายทอดสดของสื่อหลายสำนักที่ทำให้ผู้ก่อเหตุไหวตัวทันจากการกระทำของสื่อ เป็นต้น เพื่อเป็นแนวทางในการเป็นมาตรการหลักในการปฏิบัติเพื่อระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที
และเรื่องภายในกองทัพก็เป็นอีก 1 ชนวนเหตุสำคัญของเหตุการณ์กราดยิงในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมาตราการควบคุมคลังอาวุธหรือเรื่องของเงินทอนในกองทัพที่สร้างความไม่ยุติธรรมแก่ทหารผู้น้อย ซึ่งจะต้องปฏิรูปกองทัพเสียใหม่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อีก
References
- https://en.wikipedia.org/wiki/2019_Dayton_shooting
- https://abc13.com/ohio-shooting-dayton-connor-stephen-betts-shooter/5442328/
- https://th.wikisource.org/wiki/ (พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490)
- https://www.gunstocarry.com/gun-laws-state/
- https://en.wikipedia.org/wiki/Nakhon_Ratchasima_shootings
- https://www.nytimes.com/2020/02/14/world/asia/shooting-bangkok-gunman.html
- https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/1769080
- https://www.bbc.com/news/world-asia-51427301
- dataset from https://data.world/awram/us-mass-shootings